ยุคสมัยนี้การผ่าตัดแปลงเพศเป็นเรื่องง่ายแล้ว แต่การผู้ชายที่ต้องการแปลงเพศจากชายเป็นหญิงมีเงินอย่างเดียวหมอก็ยังทำให้ไม่ได้ เพราะต้องมีการประเมินทางด้านสภาพจิตใจเสียก่อน แต่ก่อนที่จะตัดสินใจแปลงเพศตัดน้องชายออก มีดูข้อมูลที่ต้องรู้เกี่ยวกับการแปลงเพศชายเป็นหญิงกันก่อนนะคะ
หลักเกณฑ์ของผู้ที่สามารถเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง มีอะไรบ้าง?
คุณสมบัติของผู้ที่สามารถเข้ารับการผ่าตัดแปลง มีดังนี้
1.มีอายุครบ 20 ปีขึ้นไป ในกรณีที่มีอายุ 18-20 ปี จะต้องให้ผู้ปกครองเซ็นเอกสารยินยอมเข้ารับการผ่าตัด
2.ได้รับฮอร์โมนเพศหญิง หรือที่เรียกว่า “เทคฮอร์โมน” ติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี
3.ใช้ชีวิตเป็นผู้หญิง 24 ชั่วโมง ติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี
4.มีความรู้สึกเป็นผู้หญิงมานานแล้ว หรือตั้งแต่เริ่มจำความได้
5.รู้สึกรังเกียจอวัยวะเพศของตนเอง คิดว่าเป็นส่วนเกิน
6.ผ่านการประเมินสภาพจิตใจ และได้รับใบรับรองจากจิตแพทย์ อย่างน้อย 2 ท่าน โดยใบรับรองจะต้องมีอายุไม่เกิน 6 เดือน ก่อนวันผ่าตัด
- ไม่มีโรคประจำตัวรุนแรงที่เป็นข้อห้ามในการดมยาสลบ หรือการผ่าตัด
โรคที่ไม่สามารถเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิงได้
- โรคประจำตัวที่ยังควบคุมได้ไม่ดี
- โรคทางจิตเวชที่อาการยังไม่คงที่
- ใช้สารเสพติดผิดกฎหมาย
ทำไมต้องตรวจสภาวะจิตใจก่อนผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง?
การตรวจสภาวะจิตใจก่อนผ่าตัดแปลงเพศเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
1.หลังจากที่ผ่าตัดแปลงเพศแล้ว จะไม่สามารถแก้ไขให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก เนื่องจากอวัยวะที่บ่งบอกความเป็นเพศ เช่น องคชาต อัณฑะ รังไข่ หรือมดลูก ได้ถูกตัดทิ้งไปแล้ว
- ตรวจคัดกรองโรคทางจิตเวชต่างๆ
3.ตรวจสภาพจิตใจในการรับมือกับความกดดัน หรือความเครียดที่อาจเกิดขึ้นจากการที่ร่างกายเปลี่ยนแปลงไป
ผลข้างเคียง ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจตามมา หลังผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง มีอะไรบ้าง รับมืออย่างไร
1.ความเสี่ยงทั่วไปที่พบได้จากการผ่าตัด เช่น แพ้ยา เลือดออก ติดเชื้อ แผลบวม รอยช้ำ
2.ช่องคลอดตีบตัน เกิดจากการไม่ใส่วัสดุขยายช่องคลอดเทียมอย่างสม่ำเสมอ
3.ท่อปัสสาวะตีบตัน
4.แคมใหญ่ หรือแคมเล็ก มีขนาดไม่เท่ากัน
5.ไม่พอใจในขนาดและรูปทรงของช่องคลอด ท่อปัสสาวะ และคลิตอริส
6.มีแผลเป็นที่บริเวณหน้าท้อง
7.ความรู้สึกทางเพศลดลง
การผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิงเป็นการผ่าตัดที่มีหลายขั้นตอน และต้องใช้เวลาเตรียมตัวเป็นปี อีกทั้งยังมีข้อควรระวัง และผลข้างเคียงหลายอย่าง จึงควรปรึกษาแพทย์ตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งจะช่วยให้กระบวนการผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิงเป็นไปอย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น